ข่าวเรื่องเล่าขานตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของ พระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร) วัดหนองโพ​ จังหวัดนครสวรรค์ - kachon.com

เรื่องเล่าขานตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของ พระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร) วัดหนองโพ​ จังหวัดนครสวรรค์
ประวัติพระเกจิอาจารย์

photodune-2043745-college-student-s

เรื่องเล่าขานตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของ พระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร) วัดหนองโพ​ จังหวัดนครสวรรค์

คนไทยสายพระ สายของขลัง ต้องรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หรือ พระครูนิวาสธรรมขันธ์ หรือ หลวงพ่อเดิม พุทธสโร เพราะท่านคือ เทพเจ้าแห่งนครสวรรค์ ผู้สร้างมีดหมอที่โด่งดังมากที่สุดในประเทศไทย ท่านมีลูกศิษย์มาขอศึกษาวิชาพุทธาคมมากมาย โดยในวันนี้เมื่อ 160 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2403 คือวันที่ท่านถือกำเนิดขึ้นมา วันนี้ในอดีตจึงขอนำประวัติและเรื่องราวพุทธาคมของหลวงพ่อมานำเสนอในโอกาสนี้

ต้นตระกูลของหลวงพ่อเดิมเป็นชาวนา อยู่ในหมู่บ้านหนองโพ โยมบิดาของท่าน ชื่อ เนียม ภูมณี ส่วนโยมมารดาชื่อ ภู่ โดยโยมบิดาของท่านได้ถือกำเนิดที่บ้านเนินมะกอก (อยู่เลยหมู่บ้านหนองโพไปประมาณสองสถานี) ต่อมาได้แต่งงานอยู่กินกับโยมมารดาของหลวงพ่อเดิม ซึ่งเป็นชาวบ้านหนองโพ และพากันย้ายครอบครัวอยู่ที่บ้านโพ 

หลวงพ่อเดิมนั้น เกิดเมื่อวันพุธ แรม 11 ค่ำ เดือน 3 ปีวอก ตรงกับวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2403 และยังพี่น้องร่วมท้องอีก 5 คนคือ นางทองคำ คงหาญ, นางพู ทองหนุน, นายดวน ภู่มณี, นางพันธ์ จันทร์เจริญ, และ นางเปรื่อง หมื่นนราเดชจั่น ชีวิตเมื่อเยาว์วัยของหลวงพ่อเดิม ได้รับการอบรมสั่งสอนจากวัดหนองโพ โดยสมัยก่อน ชาวนาจักนำบุตรหลายไปฝากฝังที่วัดในระยะฤดูแล้ง คือระหว่าง เดือน 9-11 เพราะเป็นระยะว่างจากงานไร่นา

ต่อมาเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น มีปรากฏในบันทึกว่า ท่านชอบเลี้ยงสัตว์ และชำนาญในเรื่องนกเขามาก เรียกว่าดูลักษณะและฟังเสียงได้คล่อง ว่ากันว่าร่ำเรียนมาจากนายพรานดักนกในหมู่บ้าน พุดได้ว่าท่านรักสัตว์ทุกชนิด มาจนบวชแล้วก็ยังเลี้ยงสัตว์ไว้มากมาย หลวงพ่อเดิมเมื่อรุ่นหนุ่มจะไปไหนมักจะเอาผ้าขาวม้าโพกศรีษะอยู่เสมอ เป็นชายที่มีผิวขาว สูงโปร่ง หน้ายาว ศรีษะนูน แต่ที่ต้องโพกผ้าบนศีรษะเพราะท่านมีผมหยิกเกรงว่าจะโดนล้อเลียน ด้วยความเชื่อคนไทยไม่นิยมคนผมหยิกเท่าไหร่นัก

นอกจากนี้หลวงพ่อเดิมก็มีอุปนิยสัยแตกต่างจากชายหนุ่มทั่วไปตรงที่ท่านไม่มีนิสัยติดโลกีย์ ว่ากันว่าอาจจะเป็นกุศลประจำตัวของท่านที่จะได้บวชเรียนทำประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาต่อไปในภายภาคหน้า เรียกว่าท่านนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่องมาก่อนจะเข้าอุปสมบท มีบุญเก่ามาเกื้อหนุนให้ท่านได้ดำเนินตามรอยพระพุทธบาทจวบจนสิ้นอายุขัยของท่าน

ต่อมาเมื่อท่านอายุครบบวชแล้ว โยมบิดามารดาได้สอบถามความสมัครใจ ท่านจึงไม่ขัดข้อง ที่สุดแล้วท่านได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดเขาแก้ว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เมื่อวันอาทิตย์ แรม 13 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง โทศก ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม 2423 โดยมี หลวงพ่อแก้ว วัดอินทราราม (วัดใน) เป็นอุปัชฌาย์, หลวงพ่อเงิน(พระครูพยุหานุศาสก์)วัดพระปรางค์เหลือง ตำบลท่าน้ำอ้อย อำเภอยุพหะคีรี (ครูสวด) และ หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล ตำบลสระทะเล อำเภอพยุหะคีรี (คู่สวด) ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาก็คือ “พุทธสโร” เมื่อุปสมบทแล้วได้เดินทางกลับมาจำพรรษาอยู่ ณ วัดหนองโพ เพื่อศึกษาเล่าเรียนตามทางที่พระนวกะ จะพึ่งได้รับ

ทั้งนี้ ด้วยความที่ตั้งแต่วัยเด็กมาจนกระทั่งรุ่นหนุ่ม หลวงพ่อมิเคยได้รับการศึกษาเป็นชิ้นเป็นอันมาก่อนจนกระทั่งได้บวชเรียน ดังนั้นเมื่อมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองโพ ท่านจึงมีความมานะพยายามเล่าเรียนศึกษาเป็นอันมาก เช่น เล่าเรียนคัมภีร์พระธรรมวินัย และท่องคัมภีร์พระธรรมวินัย 10 ผูก อันเป็นหลักสำคัญของพระนวกะ ท่านเล่าเรียนวิชาการนี้กับหลวงตาชม เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รวมเวลาเรียน 7 พรรษา นับแต่บวชพรรษาแรก

นอกจากนี้ท่านยังเล่าเรียนพระปริยัติธรรม และคาถาอาคมเบื้องต้น โดยได้ไปมอบตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์พันธ์ ชูพันธ์ ซึ่งเป็นฆราวาส เป็นลูกศิษย์สายตรงของหลวงพ่อเฒ่า อาจารย์พันธ์นั้นเชี่ยวชาญมากทางปริยัติ เมื่อหลวงพ่อได้รับการศึกษาจากอาจารย์พันธ์(ฆราวาส) ก็เป็นบันไดก้าวแรกทำให้หลวงพ่อเดิมแตกฉานยิ่งขึ้น ต่อมาหลวงพ่อเดิมได้เล่าเรียนต่อทางพระปริยัติต่อกับหลวงพ่อมี ได้รับการถ่ายทอดจนก้าวหน้าแตกฉานออกไปอีกจนสิ้น แต่ก็ยังไม่หยุดแสวงหาความรู้ ท่านไปต่อกับอาจารย์แย้ม (ฆราวาส) วัดสระทะเล

ที่นั่นหลวงพ่อสามารถแปลเข้าสอบเปรียญในสนามหลวงได้ทีเดียว แต่ท่านเรียนเพื่อศึกษาหาความรู้เท่านั้นมิได้หวังเปรียญ หรือเป็นมหาแต่อย่างใด เมื่อเรียนพระปริยัติได้สมบูรณ์แล้ว ท่านรับการแนะนำให้ไปเรียนการเทศนา เพื่อเผยแพร่ความรู้ที่ท่านได้เรียนมาให้ญาติโยมสาธุชน พ่อแม่ พี่ป้า น้าอา ได้สดับ ต่อมาท่านยังไปศึกษาวิชาการเป็นนักเทศน์กับพระอาจารย์นุ่ม วัดเขาทอง สามารถอ่านใบลานเทศน์และทำนองเทศน์อันเป็นอักขระภาษาบาลีจน เมื่อสำเร็จเรียบร้อยดีแล้ว ท่านจึงเดินทางกลับสู่วัดหนองโพตามเดิม

หลวงพ่อเดิมมีเพียงร่ำเรียนวิชาปริยัติ คาถาอาคม วิปัสสนา แต่ท่านยังร่ำเรียนเรื่องการทำของขลังด้วย โดยพระอาจารยืที่ท่านร่ำเรียนด้วยในทางนี้ เช่น หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล ที่ได้ถ่ายทอดวิชาการทางวิปัสสนาคาถาอาคม การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง, หลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง ท่านได้ร่ำเรียน "วิชาน้ำมนต์จินดามณีสารพันนึก” หรือหลวงพ่อวัดเขาห่อ อ.ชนแดน บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ไม่ทราบชื่อหลวงพ่อแน่นอนแต่ท่านได้ศึกษาวิชาด้วย วิชาใดไม่ปรากฏ เพียงแต่ท่านพูดถึงอยู่เสมอ

และหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว ที่นี่ท่านไปเรียนวิชามีดหมอ  จนต่อมาหลวงพ่อเดิมได้ชื่อว่าชำนาญในเรื่องมีดหมอและมีชื่อเสียงมาก ว่ากันว่าการเรียนวิชาของหลวงพ่อนับแต่ ปริยัติ คาถาอาคม วิปัสสนา และการทำของขลัง สรุปรวมแล้วกินเวลาถึง 12 ปี นับแต่บวชมาทำให้ท่านมีความรู้มากมาย เป็นที่เคารพรักของชาวหนองโพทุกคน

สำหรับเรื่องเล่าปาฎิหาริย์มีดหมอหลวงพ่อเดิม นั้นมีข้อมูลจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ "ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญา ครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม" เล่าว่า มีดหมอหลวงพ่อเดิมนี้บางท่านเรียกว่า “มีดปราบชาตรี” ด้วยว่าหลวงพ่อเดิมได้สร้างมีดหมอขึ้นมามีวัตถุประสงค์ประการหนึ่ง คือเพื่อเป็นการป้องกันการถูกรังแกจากพวกนักเลงหัวไม้ในอดีต ที่มักสักยันต์ลงคาถาอาคม อาบน้ำว่าน เพื่อให้ร่างกายอยู่ยงคงกระพัน พกพาเครื่องรางของขลัง ทั้งที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ และปลุกเสกขึ้น แล้วออกรังแกชาวบ้านด้วยว่าตัวเองมีของดีปกป้องรักษา

ดังนั้น หลวงพ่อเดิมจึงได้สร้างมีดหมอขึ้นมา ซึ่งมีพุทธคุณครอบจักรวาล คือ ป้องกันคุณไสย, ป้องกันตัวเองจากศัตรู, .ขับภูติผีปิศาจที่เข้าสิง, แก้อาถรรพ์ความคงกระพันชาตรี และ ป้องกันอสรพิษ และสัตว์เขี้ยวงาทั้งหลาย ทั้งนี้มีเรื่องเล่าขานถึง “ปาฏิหาริย์” มากมาย ดังเรื่องของนายแกละ พ่อค้าในตลาดตาคลี ซึ่งได้ไปเที่ยวที่อำเภอตากฟ้า และได้เกิดไปมีเรื่องมีราวกับนักเลงเจ้าถิ่น ซึ่งมี 2 คน แถมด้วยปืน 2 กระบอก ทว่านายแกละได้พกมีดหมอของหลวงพ่อเดิมติดกายไปด้วย เมื่อเจ้าถิ่นทั้ง 2 ลั่นกระสุนเข้าใส่ร่างของนายแกละ ต่อหน้าผู้เห็นเหตุการณ์นับสิบคน คมกระสุนไม่อาจเจาะผ่านร่างของนายแกละแต่ประการใดไม่

ต่อมาด้วยคุณงามความดีของหลวงพ่อเดิมเป็นที่เลื่องลือมาก ทางการจึงกราบบังคมทูลขอพระราชทานสมณศักดิ์เป็นที่ “พระครูนิวาสธรรมขันธ์” เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2475 เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่ากันว่า ในช่วงบั้นปลายหลวงพ่อล่วงรุ้ถึงเส้นทางของท่านเอง โดยต้นปี 2494 หลวงพ่อได้เรียกกรรมการวัดตลอดจนถึงญาติโยมที่ใกล้ชิด ของท่านมาประชุมพร้อมกัน โดยท่านแจ้งในสิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึง 3 ข้อ

1.ขอมอบภารกิจบริหารกิจการของวัดหนองโพ ให้กับหลวงพ่อ (ต่อมาได้เป็นท่านพระครูนิพันธ์ธรรมคุต) เจ้าอาวาสวัดหนองโพในปัจจุบันให้ดูแลรักษาแทน ขอให้ชาวบ้านช่วยกันอุปถัมย์หลวงพ่อน้อยช่วยกิจการวัดตามเคยที่ช่วยท่านมา เพื่อให้เกิดความประสานสามัคคีระหว่างวัดและชาวบ้าน

2.หลวงพ่อจะมรณภาพในไม่ช้านี้แล้ว อย่าเสียใจในมรณะกรรมของท่าน เพราะเป็นกฎแห่งกรรม ขอให้ช่วยกันต่อโลงศพให้หลวงพ่อเพื่อจะได้ไม่เป็นธุระรบกวนหรือยุ่งยากจัดหาเมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว เพราะการเตรียมล่วงหน้าเป็นการไม่ประมาทในการทั้งปวง ดังพระดำรัสแห่งพระบรมศาสดา

3.ช่วยกันสร้างเมรุเพื่อพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อ ตามกำลังศรัทธาของญาติโยม เวลาท่านมรณภาพแล้วจะได้สะดวก ไม่ต้องมาทำทีหลังให้เป็นการเร่งรีบและเหน็ดเหนื่อย โดยใช้เหตุสำหรับข้อสามนี้กรรมการวัดคิดว่า หลวงพ่อคงจะไม่มรณภาพในเวลาอันใกล้ จึงมิได้สั่งจัดทำเสียพร้อมกับโลงศพ จนหลวงพ่อแสดงอาการว่าจะมรณภาพแน่แล้วจึงสิ่งทำเมรุนั้นจึงเสร็จ หลังจากหลวงพ่อมรณภาพไปแล้ว

ที่สุดหลังจากนั้น หลวงพ่อยังคงแข็งแรง ทำกิจต่างๆ ได้เช่นเดิม จนล่วงเข้าวันที่ 15 พฤษภาคม 2494 หลวงพ่อมีอาการโรคลมปัจจุบันเข้าแทรก จนล้มหมอนนอนเสื่อ จนวันที่ 22 พฤษภาคม 2494 มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นคือ วันนั้นช้างของหลวงพ่อที่ทำงานอยู่ในป่าได้ดิ้นรนไม่ยอมทำงาน ทั้งๆ ที่ควาญช้างก็บังคับอย่างเต็มความสามารถแต่มันกลับหันหลังมุ่งหน้าเดินจะมาวัดหนองโพ จนเมื่อช้างพากันเดินดุ่มมาวัดหนองโพอย่างรีบร้อน ตอนนั้นหลวงพ่ออาพาธหนักมากแล้ว 

ช้างเองก็หงอยเหงาไม่ยอมกินอะไรทั้งนั้น ราวรู้วาระมรณะภาพของหลวงพ่อ เวลาล่วงเลยมาจนที่สุด หลวงพ่อเอาสองมือประคองขึ้นไว้บนหน้าอกของท่าน นัยน์ตาของท่านหลับสนิทลักษณะการเข้าสมาธิ จู่ๆฝนก็ตกลงอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยไม่มีเค้ามาก่อน ชาวบ้านเชื่อว่าหลวงพ่อได้บันดาลให้ฝนตกลงมาเพื่อต่อชีวิตชาวหนองโพไม่ให้อดน้ำ เป็นอภินิหารครั้งสุดท้ายที่หลวงพ่อแสดงให้เห็นประจักษ์ จากนั้นหลวงพ่อก็ได้มรณภาพจากไป สิริรวมอายุ 92 ปี พรรษาที่ 70 

ขอขอบคุณภาพ จาก : fb ตำนาน​เล่าขาน​พระ​ผู้ทรง​ฌาน​อภิญญา​ครู​บ​า​อาจารย์​ผู้​เรือง​วิชา​อาคม

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

.....

ความศักดิ์สิทธิ์ภายในพิธีมังคลาภิเษกเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี และพระผงของขวัญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วัดอรุณราชวราราม

งานพิธีมังคลาภิเษกเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี และพระผงของขวัญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี เนื่องในวาระครบรอบ ๒๕๕ ปีกรุงธนบุรี และพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระพรหมวชิรเมธี เจ้าคณะภาค ๙ เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม มีอายุวัฒนะมงคล ๘๐ ปี โดยประกอบพิธีภายในโบสถ์น้อย วัดอรุณราชวราราม เมื่อวันที่ ๑๗ ธ.ค ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา 

ผมอาจารย์ไก่ ทิพยจักร ได้พาหมู่คณะเข้าร่วมพิธีมหามงคลอันศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ ซึ่งจากบรรยากาศและการสัมผัสกับกระแสความศักดิ์สิทธิ์จากภายในงานครั้งนี้ พบว่าคณะศิษย์แต่ละคนต่างเล่าถึงความรู้สึกจากภาายในงานต่างๆกัน บางท่านเล่าว่า เมื่อเข้ามาสู่ปริมณฑลพิธีก็รู้สึกถึงพลังงานที่อัดแน่น เป็นเหล่าเทพเทวาที่มาประชุมกัน จนรู้สึกสั่นน้อยๆ และอาการต่างๆอีกมาก 

และอีกหลายท่านเล่าว่าขนลุก เกิดปีติ บางท่านรู้สึกถึงกระแสพลังงานจากเบื้องบนที่เชื่อมลงมาสู่ปริมณฑล อาการความสัมผัสทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นกับคนจำนวนมาก หนึ่งในงานวันนั้นผมเชิญอาจารย์อองตวนชาวฝรั่งเศษที่สนใจทางจิตศาสตร์ ท่านเล่าให้ฟังว่า ในขณะเริ่มพิธีในโบสถ์น้อย ท่านสัมผัสกระแสพลังงานดิ่งลงมาจากเบื้องบนเป็นพลังงานที่รุนแรงทรงพลังมากๆ ซึ่งทำให้เกิดอาการขนลุกสะท้านไปทั้งตัว

ส่วนตัวผมนั้นรู้สึกทางใจถึงเทพยดาที่ลงมาในงานและมาร่วมอนุโมทนา เป็นพลังงานที่แรงมาก ตั้งแต่ก่อนเริ่มพิธีจนจบพิธี ดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จลงมาแน่นอนพร้อมทั้งเหล่าทหารกล้าและบรรพบุรุษต่างมาร่วมอนุโมทนาในงานครั้งนี้และร่วมปลุกเสกแผ่พลังแห่งความกล้าหาญ ชัยชนะลงสู่มงคลวัตถุเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี และพระผงของขวัญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ผมถามในใจว่าวัตถุมงคลนี้จะดีด้านใด ก็ได้รับคำตอบว่าผู้ที่มีวัตถุมงคลรุ่นนี้จะไม่จน ไม่แพ้ จะมีพลังจิตพลังกายกล้าหาญ มีตบะอำนาจ ไม่หวั่นเกรงภยันอันตรายและไม่มีศัตรูหมู่มารภูติผีปีศาจใดๆมาทำร้ายมากล้ำกรายได้ จะเป็นผู้มีชัยชนะอยู่เหนืออุปสรรค อยู่เหนือความจน อยู่เหนือศัตรูคู่แข่งทั้งหลาย  และตลอดที่อยู่บนแผ่นดินไทยจะร่มเย็นเป็นสุข ทำมาค้าขายดีมีกำไรเสมอไป 

นี่คือสิ่งที่ผมสื่อได้จากภายในวันงานและจากคำบอกเล่าประสบการณ์ของผู้ที่มาในวันนั้น จึงขอยืนยันด้วยความรู้สึกจากภายในตัวผมว่าวัตถุมงคลรุ่นมหาเศรษฐีที่จัดสร้างครั้งนี้ สมเด็จพ่อพระเจ้าตากสินมหาราชและทหารกล้าอีกทั้งบรรพบุรุษลงมาเสกประสิทธิด้วยพระองค์เองเป็นวัตถุมงคลที่เข้มขลังมาก ทรงพลังมาก มีอานุภาพมากเกินกว่าจะพรรณาได้ทั้งหมด ทั้งนี้ใครได้ไว้ถือเป็นบุญเป็นมหามงคลของชีวิตผู้นั้นโดยแท้

ท่านผู้ศรัทธาสามารถร่วมบุญบูชาได้ที่ ศาลาอรุณนราภิรมย์ วัดอรุณราชวราราม สอบถามประชาสัมพันธ์  พระครูพิสิฐสรวุฒิ เบอร์ 099-128-1871 ไอดีไลน์ 0991281871 หรือ คุณนพรัตน์ มงคลวิเชียร เบอร์ 083-846-3033 ไอดีไลน์ NOPPARUTNONG

ปล.กำหนดการแจกฟรี พระผงของขวัญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี
1.สำหรับบุคคลทั่วไป กำหนดให้มีการแจกฟรีเพียงครั้งเดียว ณ พระอุโบสถน้อย วัดอรุณราชวราราม ในวันอาทิตย์ ที่ 17 ธันวาคม 2566 หลังเสร็จพิธีมหาพุทธาเทวาภิเษก
2.สำหรับศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจากทั่วประเทศ ที่สนใจจะขอรับเป็นสื่อกลางในสะพานบุญครั้งนี้ ติดต่อที่ พระครูพิสิฐสรวุฒิ เบอร์ 099-128-1871 ไอดีไลน์ 0991281871 หรือ คุณนพรัตน์ มงคลวิเชียร เบอร์ 083-846-3033 ไอดีไลน์ NOPPARUTNONG

ทิพยจักร
18 ธค 2566

วัตถุมงคลเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี        
วัตถุประสงค์   
1.เพื่อหารายได้เข้ากองทุนการศึกษาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดอรุณราชวราราม จำนวน 1,000,000 บาท               
2.สร้างพระผงของขวัญแจกฟรีแก่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทั่วประเทศ จำนวน 50,000 เหรียญ                                                

รายการวัตถุมงคล เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี    

ลำดับที่ 1 เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขนาด 3.5 เซนติเมตร    
1.1 เนื้อทองคำ น้ำหนัก 22 กรัม ขึ้น - ลง จำนวนการสร้าง 59 เหรียญ บูชาเหรียญละ 75,000 บาท  (หมดแล้ว)
1.2 เนื้อเงิน จำนวนการสร้าง 800 เหรียญ บูชาเหรียญละ 2,000 บาท   
1.3 เนื้อทองแดงหน้าเงินลงยา สร้าง 8 สี 1.ลงยาสีธงชาติ 2.ลงยาสีแดง 3.ลงยาสีเหลือง 4.ลงยาสีชมพู 5.ลงยาสีเขียว 6.ลงยาสีส้ม 7.ลงยาสีฟ้า 8.ลงยาสีม่วง จำนวนการสร้างสีละ 800 เหรียญ รวมสร้าง 6,400 เหรียญ บูชาเหรียญละ 400 บาท       
1.4 เนื้อทองสัมฤทธิ์เดช จำนวนการสร้าง 6,000 เหรียญ บูชาเหรียญละ 300 บาท    
1.5 เนื้อทองแดง จำนวนการสร้าง 10,000 เหรียญ บูชาเหรียญละ 200 บาท  

ลำดับที่ 2 เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขนาด 2.5 เซนติเมตร    
2.1 เนื้อทองคำ น้ำหนัก 10 กรัม ขึ้น - ลง จำนวนการสร้าง 59 เหรียญ บูชาเหรียญละ 38,000 บาท (หมดแล้ว)
2.2 เนื้อเงิน จำนวนการสร้าง 800 เหรียญ บูชาเหรียญละ 1,500 บาท   
2.3 เนื้อทองแดงหน้าเงินลงยา สร้าง 8 สี 1.ลงยาสีธงชาติ 2.ลงยาสีแดง 3.ลงยาสีเหลือง 4.ลงยาสีชมพู 5.ลงยาสีเขียว 6.ลงยาสีส้ม 7.ลงยาสีฟ้า 8.ลงยาสีม่วง จำนวนการสร้างสีละ 800 เหรียญ รวมสร้าง 6,400 เหรียญ บูชาเหรียญละ 350 บาท       
2.4 เนื้อทองสัมฤทธิ์เดช จำนวนการสร้าง 6,000 เหรียญ บูชาเหรียญละ 250 บาท    
2.5 เนื้อทองแดง จำนวนการสร้าง 10,000 เหรียญ บูชาเหรียญละ 150 บาท   

ลำดับที่ 3  เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื้อผงพุทธคุณ 108     
3.1 ฝังตะกรุดทองคำ 1 คู่ จำนวนการสร้าง 300 เหรียญ บูชาเหรียญละ 1,500 บาท   
3.2 ฝังตะกรุดเงิน 1 คู่ จำนวนการสร้าง 500 เหรียญ บูชาเหรียญละ 600 บาท

ลำดับที่ 4 เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ชุดกรรมการ จัดรวม 100 ชุด (หมายเลขเดียวกัน)  บูชาชุดละ 12,500 บาท (หมดแล้ว)   
(ชุดกรรมการ 1 ชุด ได้รับเหรียญทั้งหมด 24 เหรียญ ประกอบด้วย 4.1 เนื้อเงิน ทั้งขนาด 3.5 เซนติเมตร และขนาด 2.5 เซนติเมตร 4.2 เนื้อทองแดงหน้าเงินลงยา 8 สี ทั้งขนาด 3.5 เซนติเมตร และขนาด 2.5 เซนติเมตร 4.3 เนื้อทองสัมฤทธิ์เดช ทั้งขนาด 3.5 เซนติเมตร และขนาด 2.5 เซนติเมตร  4.4 เนื้อทองแดง ทั้งขนาด 3.5 เซนติเมตร และขนาด 2.5 เซนติเมตร 4.5 เนื้อผงพุทธคุณ 108 แบบฝังตะกรุดทองคำ และแบบฝังตะกรุดเงิน) 

รายนามพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่มมหาเศรษฐี
1.พระพรหมวัชรเมธี เจ้าคณะภาค๙ เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ
2.พระภาวนาวิสุทธิโสภณ (หลวงพ่อสุรศักดิ์) วัดประดู่ พระอารามหลวง สมุทรสงคราม
3.พระครูสุวรรณโชติวุฒิ (หลวงพ่อตี๋) วัดหูช้าง นนทบุรี

4.พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก) วัดท่าขนุน กาญจนบุรี
5.พระครูภาวนาภัทรคุณ (ท่านพ่ออติโชติ) วัดพุทไธสวรรย์ อยุธยา
6.พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ) วัดสว่างอารมณ์ นครปฐม

7.พระครูประภาสธรรมทัต (หลวงพ่อป้อม) วัดหนองม่วง ราชบุรี
8.พระปลัดอำพล ฐิตปุญฺโญ (หลวงพ่ออ๊อด) วัดหูช้าง นนทบุรี 
9.พระครูสมุห์คำนวน ปริสุทฺโธ (หลวงพ่อนวล) วัดแก้วเจริญ สมุทรสงคราม
10.พ่อครูศิริพงษ์ ครุพันธ์กิจ (เกจิฆราวาสผู้เรืองวิทยาคมที่มีความศรัทธาในพระองค์ท่านเป็นอย่างยิ่ง)

รายนามคณะกรรมการการจัดสร้างเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่มมหาเศรษฐี

ประธานฝ่ายสงฆ์ การจัดสร้างเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี
พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระพรหมวัชรเมธี เจ้าคุณะภาค๙ เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม

ประธานที่ปรึกษาฝ่ายสงฆ์ การจัดสร้างเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี
พระวชิรรัตนาภรณ์ ดร. (ชุมพร) เลขาเจ้าคุณะภาค๙ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม

ประธานที่ปรึกษาฝ่ายฆราวาส การจัดสร้างเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี
พ่อครูศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ

ประธานการจัดสร้าง เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี
คุณอัครวิทย์ รัตนประสิทธิ์ (วิทย์ วัดอรุณ)

ประธานอุปถัมภ์ การจัดสร้างเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี
1.พลเอก ดร.เดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์
2.คุณวันชัย ลาภวิไลพงศ์ (โต วัดอรุณ) ประธาน กต.ตร สถานนีตำรวจนครบาลบางกอกใหญ่
3.คุณธนิตย์ ลี้ชัยศิริมงคล (เสี่ยบุ้ง) เจ้าของร้านทองซิงแสงนภาโกลด์ (SSNP GOLD)

รองประธานอุปถัมภ์ การจัดสร้างเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี
1.คุณณัฐกาญจน์ ทรัพย์โภค ฝ่ายประชาสัมพันธ์และแนะแนว คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยปทุมธานี

ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ การจัดสร้างเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี
คุณยายสมใจ ณ นคร ประธานมูลนิธิ ณ นคร และสายสัมพันธ์

รองประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ การจัดสร้างเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี
คุณจารุวัตร จันทร์โพธิ์ศรี(อาจารย์ไก่ ทิพยจักร)

ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ การจัดสร้างเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี
พลโท ชัยธัช สุวรรณกาญจน์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก
พลโท โกศล ชูใจ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
พลเรือโท ธัชพงศ์ บุษบง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ
ท่านพิทักษ์ อบสุวรรณ อัยการอาวุโส สำนักงานคดียาเสพติด
ท่านสุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 9
ท่านชิติพัทธ์ คงมาก อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและการบังคับคดีจังหวัดราชบุรี
ท่านอาณัติ ศรีสุดดี อัยการจังหวัดชัยบาดาล
พันเอก(พิเศษ) มหินท์ ตุงคะเศรณี ผู้อำนวยการกองการศึกษา โรงเรียนทหารสารวัตร
พันเอก(พิเศษ) เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12
คุณณรงค์ วโรดมสถาน (ออด) กรรมการบริหารสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย)
คุณปริญญา แก้วตัน (ล้าน) กรรมการบริหารสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย)

คณะกรรมการจัดสร้างเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี
พระครูพิสิฐสรวุฒิ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม
พระครูพิสุทธิสรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม
พระครูสมุห์ประครอง สุปติฏฺฐิโต วัดอรุณราชวราราม
พระมหาสุวิทย์ ปวิชฺชกิตฺติ วัดอรุณราชวราราม
พระมหากนกพล ธมฺมธีโร วัดอรุณราชวราราม
พระมหาณัฐนนท์ เขมานนฺโท วัดอรุณราชวราราม
พระมหาไตรภพ ติสฺสนาโค วัดอรุณราชวราราม
พระมหาหัสดี จรณธมฺโม วัดอรุณราชวราราม 
พระครูปลัดธนันท์รัฐ โชติธมฺโม วัดประยุรวงศาวาส

คุณฉัตรชัย ทองสวัสดิ์
คุณสมบัติ ทองสวัสดิ์ ประธานชุมชนปรกอรุณ
คุณวรวิทย์ โชคขจิตสัมพันธ์  ประธานชุมชนลานมะขาม-บ้านหม้อ  
คุณสมโภชน์ สูงโพธิ์  ประธานชุมชนข้างโรงเรียนพาณิชยการราชดำเนิน
คุณนพรัตน์ มงคลวิเชียร (แว่น วัดอรุณ)
คุณสมเกียรติ เสิศกาญจนาพร (หยอง วัดอรุณ)
คุณประพัฒน์ จันทร์วันเพ็ญ (แต๊บ วัดอรุณ)
คุณกฤษณะ เนาว์สถาน (นะ เมืองเพชร)
คุณกมล เล้าโสภาภิรมย์ (เตี้ย สวนทะเล)
คุณสรยุทธ์ จุลเจริญนนท์ (ป้อม punk berry)
คุณจันทร์ดาราอัปสร รัตนประสิทธิ์ (อาจารย์ฝนทิพย์)
คุณบัญชา ปานนิวัฒน์ (ป๋าชู วัดเศวต)
คุณสุชาดา ปานนิวัฒน์ (เจ้แป้น วัดเศวต)
คุณวิโรจน์ หอมหวาน (ทนายโรจน์ เพชรบุรี)
คุณมนตรี วิไลสมสกุล (ติ๊ก จันทบุรี)
คุณชลัช ชมเจริญ (กุ้ง ท่าพระจันทร์)